หน้าหลัก|ความรู้เกี่ยวกับกฎหมาย » สัญญาจ้างแรงงาน: ความสำคัญและข้อควรรู้สำหรับนายจ้าง

สัญญาจ้างแรงงาน: ความสำคัญและข้อควรรู้สำหรับนายจ้าง

สัญญาจ้างแรงงาน ถือเป็นเอกสารสำคัญที่ทั้งนายจ้างและลูกจ้างต้องให้ความใส่ใจ เพราะเป็นข้อตกลงที่ระบุรายละเอียดเงื่อนไขการจ้างงาน ตั้งแต่ค่าจ้าง วันเวลาทำงาน ไปจนถึงสิทธิแรงงานต่าง ที่ลูกจ้างพึงได้รับ การมีสัญญาจ้างแรงงานที่ชัดเจนจะช่วยป้องกันปัญหาข้อพิพาทระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง อีกทั้งยังแสดงถึงความโปร่งใสและความรับผิดชอบต่อกันของทั้งสองฝ่าย เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีในการทำงานร่วมกันในระยะยาว

สัญญาจ้างแรงงาน คือข้อตกลงการจ้างงานระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการกำหนดสภาพการจ้างงาน สิทธิ และหน้าที่ของทั้งสองฝ่าย

โดยสัญญาจ้างแรงงานนั้นมีนิยามและลักษณะสำคัญตามที่กฎหมายแรงงานได้กำหนดไว้ ดังนี้

1.1 นิยามตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์

ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 575 ได้ให้คำนิยามของสัญญาจ้างแรงงานไว้ว่า เป็นสัญญาซึ่งบุคคลคนหนึ่งเรียกว่าลูกจ้าง ตกลงจะทำงานให้แก่บุคคลอีกคนหนึ่งเรียกว่านายจ้าง และนายจ้างตกลงจะจ่ายสินจ้างตลอดเวลาที่ทำงานให้

1.2 นิยามตาม พ.ร.บ.คุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ.2541 มาตรา 5 ได้ให้ความหมายของสัญญาจ้างแรงงานว่า หมายถึงสัญญาไม่ว่าด้วยวาจาหรือเป็นหนังสือ ซึ่งผู้ใช้
แรงงานตกลงทำงานให้แก่นายจ้าง และนายจ้างตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้แก่ผู้ใช้แรงงานตลอดระยะเวลาการจ้าง

1.3 ลักษณะสำคัญของสัญญาจ้างแรงงาน

สัญญาจ้างแรงงานมีลักษณะสำคัญ ดังต่อไปนี้

  • เป็นสัญญาต่างตอบแทน โดยลูกจ้างตกลงทำงานให้ และนายจ้างตกลงจ่ายค่าจ้างให้
  • ลูกจ้างต้องทำงานตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา และอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของนายจ้าง
  • ต้องมีการกำหนดสภาพการจ้างงาน เช่น ค่าจ้าง วันและเวลาทำงาน วันหยุด สวัสดิการต่าง ไว้ในสัญญา หรือข้อบังคับเกี่ยวกับการทำงาน
  • สัญญาจ้างแรงงานเป็นสัญญาที่ต้องอยู่ภายใต้บังคับของกฎหมายแรงงาน ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อคุ้มครองสิทธิของลูกจ้าง

2. สัญญาจ้างแรงงาน คือ หลักฐานสำคัญที่ปกป้องสิทธิของทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

สัญญาจ้างแรงงานถือเป็นเอกสารที่มีความสำคัญอย่างยิ่งในการสร้างความชัดเจนและความเข้าใจร่วมกันระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งจะช่วยป้องกันปัญหาและข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต นอกจากนี้ยังเป็นการรับรองสิทธิและผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย ทำให้เกิดความมั่นใจและความสัมพันธ์ที่ดีในการทำงานร่วมกัน

2.1 ประโยชน์ของสัญญาจ้างแรงงานต่อนายจ้าง

สำหรับนายจ้าง สัญญาจ้างแรงงานเป็นเครื่องมือสำคัญในการกำหนดขอบเขตหน้าที่ ความรับผิดชอบ และเงื่อนไขการทำงานของลูกจ้างได้อย่างชัดเจน ช่วยให้นายจ้างสามารถบริหารจัดการทรัพยากรบุคคลได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงการกำหนดเงื่อนไขการสิ้นสุดสัญญาหรือการเลิกจ้างไว้ล่วงหน้า ซึ่งจะช่วยลดความเสี่ยงและป้องกันข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นภายหลังได้

2.2 ประโยชน์ของสัญญาจ้างแรงงานต่อลูกจ้าง

ในส่วนของลูกจ้างนั้น สัญญาจ้างแรงงานถือเป็นหลักประกันความมั่นคงในการทำงาน เนื่องจากระบุรายละเอียดเกี่ยวกับตำแหน่งงาน ค่าตอบแทน สวัสดิการแรงงาน และสิทธิประโยชน์ต่าง ที่ลูกจ้างพึงได้รับ ทำให้ลูกจ้างสามารถวางแผนชีวิตและการเงินได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังเป็นหลักฐานสำคัญในการเรียกร้องสิทธิหากนายจ้างไม่ปฏิบัติตามที่ตกลงกันไว้ในสัญญา ก่อให้เกิดความมั่นใจและความสบายใจในการทำงานมากขึ้น

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าสัญญาจ้างแรงงานมีความสำคัญต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้างเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นข้อตกลงที่แสดงถึงความสัมพันธ์ในการทำงานแล้ว ยังเป็นเครื่องมือในการปกป้องสิทธิและผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่ายให้ได้รับความเป็นธรรม ส่งผลให้การจ้างงานเป็นไปอย่างราบรื่นและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อองค์กร

3. ประเภทของสัญญาจ้างแรงงาน

สัญญาจ้างแรงงาน คือ เอกสารสำคัญที่กำหนดความสัมพันธ์ระหว่างนายจ้างและลูกจ้าง ซึ่งมีหลากหลายประเภทให้เลือกใช้ตามความเหมาะสมของลักษณะงานและข้อตกลงร่วมกัน โดยสัญญาจ้างแรงงานที่พบบ่อยในประเทศไทยสามารถแบ่งออกเป็น 4 ประเภทหลัก ดังนี้

3.1 สัญญาจ้างแบบไม่มีกำหนดระยะเวลา

สัญญาจ้างประเภทนี้ไม่ได้ระบุวันสิ้นสุดการจ้างงานไว้อย่างชัดเจน ซึ่งมักใช้กับงานประจำที่ต้องการความต่อเนื่อง โดยทั้งนายจ้างและลูกจ้างสามารถยุติสัญญาได้ โดยจะต้องบอกเมื่อถึง หรือก่อนจะถึงกำหนดการจ่ายค่าจ้างคราวใดคราวหนึ่ง เพื่อให้มีผลเลิกสัญญาจ้างกันเมื่อถึงกำหนดการจ่ายค่าจ้างคราวถัดไป โดยไม่จำเป็นต้องบอกกล่าวล่วงหน้าเกินสามเดือน 

3.2 สัญญาจ้างแบบมีกำหนดระยะเวลา

สัญญาจ้างแรงงานแบบมีกำหนดระยะเวลาเป็นการระบุช่วงเวลาการจ้างงานที่แน่นอนลงในสัญญา เหมาะสำหรับงานที่มีระยะเวลาดำเนินการที่ชัดเจน เช่น
งานโครงการหรืองานฤดูกาล โดยเมื่อครบกำหนดระยะเวลาแล้ว สัญญาจะสิ้นสุดลงโดยอัตโนมัติ เว้นแต่จะมีการต่อสัญญาจ้างใหม่

3.3 สัญญาจ้างทำของ

สัญญาจ้างทำของเป็นรูปแบบหนึ่งของสัญญาจ้างแรงงานที่มุ่งเน้นไปที่ผลลัพธ์ของงานเป็นหลัก โดยนายจ้างจะว่าจ้างให้ลูกจ้างทำงานชิ้นใดชิ้นหนึ่งให้เสร็จสมบูรณ์ตามข้อกำหนด และจ่ายค่าตอบแทนตามที่ตกลงกันเมื่องานนั้นแล้วเสร็จ ซึ่งเหมาะกับงานเฉพาะด้านที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญ

3.4 สัญญาจ้างงานชั่วคราว

สัญญาจ้างงานชั่วคราวเป็นการจ้างงานที่กำหนดชั่วโมงการทำงานน้อยกว่าเวลาทำงานปกติ ซึ่งอาจเป็นช่วงเวลาสั้น ในแต่ละวัน หรือจำนวนวันที่น้อยกว่าการทำงานเต็มเวลาในแต่ละสัปดาห์ โดยสัญญาจ้างแรงงานพาร์ทไทม์มักเหมาะกับนักเรียน นักศึกษา หรือผู้ที่ต้องการงานเสริมนอกเวลา

4. ข้อควรรู้สำหรับนายจ้างในการทำสัญญาจ้างแรงงาน

ในการจัดทำสัญญาจ้างแรงงาน นายจ้างควรใส่ใจในรายละเอียดสำคัญต่าง ที่ต้องระบุในสัญญา เพื่อให้สัญญามีความสมบูรณ์และชัดเจน ป้องกันปัญหาข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยข้อมูลหลัก ที่ควรมี ได้แก่ ชื่อ-ที่อยู่ ของทั้งสองฝ่าย ระยะเวลาการจ้าง วันเริ่มงานและวันสิ้นสุด(กรณีสัญญามีกำหนดระยะเวลา) สถานที่ทำงาน ตำแหน่งและลักษณะงาน ค่าตอบแทนและเงื่อนไขการจ่าย ชั่วโมงและวันทำงาน วันหยุด รวมถึงสวัสดิการและสิทธิการลาต่างๆ

นอกจากนี้ นายจ้างอาจกำหนดเงื่อนไขอื่น ลงในสัญญาจ้างแรงงานเพิ่มเติมได้ตามความเหมาะสมของลักษณะงาน เช่น ข้อตกลงเกี่ยวกับทรัพย์สินทางปัญญาการรักษาความลับของบริษัท กฎระเบียบที่พนักงานต้องปฏิบัติตาม เงื่อนไขการสิ้นสุดสัญญา และค่าชดเชยหรือค่าเสียหายกรณีผิดสัญญา เป็นต้น

อย่างไรก็ตาม แม้นายจ้างจะมีอิสระในการกำหนดเงื่อนไขการจ้างงานในสัญญาจ้างแรงงาน แต่ทั้งนี้ต้องไม่ขัดกับกฎหมายคุ้มครองแรงงานและต้องเป็นธรรมกับลูกจ้าง สัญญาที่เอาเปรียบลูกจ้างเกินไปอาจเข้าข่ายสัญญาที่ไม่เป็นธรรมและอาจโมฆะได้ ดังนั้น การมีสัญญาจ้างแรงงานที่รัดกุมและเป็นธรรมจึงเป็นประโยชน์ต่อทั้งนายจ้างและลูกจ้าง ช่วยส่งเสริมให้เกิดความสัมพันธ์อันดีในการทำงานร่วมกัน